ประวัติองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่ง
องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งตั้งอยู่ในเขตการปกครองอำเภอไชยา ประกอบไปด้วย 8 หมู่บ้าน ดังต่อไปนี้
หมู่ที่ 1 บ้านขนอน
หมู่ที่ 2 บ้านทุ่งนอก
หมู่ที่ 3 บ้านวัดตะเคียน
หมู่ที่ 4 บ้านลาด
หมู่ที่ 5 บ้านหัวนอน
หมู่ที่ 6 บ้านนาแค
หมู่ที่ 7 บ้านยางยวน
หมู่ที่ 8 บ้านคลองยวน
ซึ่งมีประวัติอยู่ในจดหมายเหตุไชยา คำ ว่าทุ่งหรือทุ่งนา หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ เพราะสมัยศรีวิชัยหรือสมัยอยุธยา รายได้เกือบทั้งหมดเป็นภาษีเลี้ยงประเทศส่วนใหญ่ก็มาจากการทำนา ตำบลทุ่งจึงเป็นเมืองที่รุ่งเรืองในสมัยนั้น สถานที่ประวัติศาสตร์ที่ตำบลทุ่ง เช่นศาลาคงคาชัย วัดตะเคียน วัดจำปา และศาลาเชือด ตามจดหมายเหตุเมืองไชยาว่า หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตกเสียกรุงให้กับพม่าครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ศ. 2311 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก็กู้อิสรภาพได้โดยเร็ว โดย ตีทัพพม่าแตกที่ค่ายบางกุ้ง แต่จะสร้างหรือบูรณะกรุงศรีอยุธยาต่อก็ลำบากเพราะพม่าเผาสิ้นซากจึง มาสร้างกรุงใหม่ชื่อว่ากรุงธนบุรี เจ้าเมืองต่าง ๆ ก็ชักจะแข็งเมือง รวมทั้งเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ได้ให้ทหารที่พระองค์ไว้ใจมาปราบ แต่ไม่สำเร็จ พระเจ้าตากสินมหาราชจึงได้เสด็จยกทัพมาตีเมืองนครศรีธรรมราชด้วยพระองค์เอง จึงได้กรีฑาทัพผ่านตำบลทุ่ง ได้เห็นที่ทำเลสะดวกเหมาะสม มีน้ำสะดวก พระองค์และทหารจึงได้พักทัพที่ศาลาคงคาชัย ในระหว่างที่พักทัพ พระองค์และทหารได้ไปนมัสการกราบพ่อท่านวัดตะเคียน ซึ่งเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ในสมัยนั้น จึงแสดงให้เห็นและรู้ว่าพ่อท่านวัดตะเคียนของเราเป็นเจ้าอาวาสที่วัดตะเคียน ในสมัยอยุธยาตอนปลาย
บ้านขนอน
เป็น ชื่อหมู่บ้านของหมู่ที่ 1 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ตั้งทิศเหนือติดต่อกับหมู่ที่ 5 ตำบลทุ่ง ทิศตะวันออกติดต่อกับตำบลพุมเรียง ทิศใต้ติดต่อกับตำบลเลม็ด ทิศตะวันตกติดต่อกับตำบลตลาดไชยา มีประชากรประมาณหนึ่งร้อยครอบครัว ประกอบด้วยหมู่บ้านเล็ก ๆ คือบ้านสาร บ้านดอนสูง และบ้านวัดบาตรความ เป็นมาแต่โบราณ เท่าที่ปรากฏว่าได้ชื่อว่าบ้านขนอนเพราะเป็นที่ตั้งด่านเก็บ ภาษีสมัยนั้นประมาณรัชกาลที่ 3-4 เมืองไชยายังคงเป็นหัวเมืองสำคัญทางภาคใต้ การขนส่งสินค้าที่มาจากทะเลหรือสินค้าที่มาจากทางบกจะไปลงเรือสำเภาที่ พุมเรียงจะต้องผ่านทางบ้านขนอนซึ่งเป็นที่ตั้งเก็บภาษีอากร นายอากรสมัยนั้นชื่อว่า หลวงศรีทัศกัณฑ์ ชื่อเดิมไม่ปรากฏ (ต้นตระกูล หนูสิทธิ์) ท่านผู้นี้นอกจากจะเป็นนายด่านเก็บภาษีที่บ้านขนอนแล้วยังเป็นผู้เก็บส่วย อากรไปถึงบ้านมะลวน ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอพุนพิน ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี้เองหมู่บ้านนี้จึงได้ชื่อว่า “บ้านขนอน”
บ้านวัดบาตร
บ้าน วัดบาตร ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามหลักฐานความเป็นมาไม่ปรากฏ แต่มีวัดร้างวัดหนึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้าน วัดร้างนี้ คือ วัดบาตร ปัจจุบันยังมีซากปรักหักพังให้เห็นอยู่จึงสันนิษฐานว่า ชื่อบ้านวัดบาตรอาจจะมาจากชื่อวัดบาตร นี้เอง
บ้านดอนสูง
บ้าน ดอนสูง ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากลักษณะภูมิประเทศแถบนี้แล้วอยู่ในที่ต่ำซึ่งถึงฤดูน้ำหลาก จะมีน้ำท่วม แต่หมู่บ้านนี้มีลักษณะเป็นดอนน้ำท่วมไม่ถึง เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีประชากรไม่กี่ครัวเรือน จากการที่น้ำท่วมไม่ถึงนี้เอง จึงได้ชื่อว่า “บ้านดอนสูง”
บ้านนาโคน
บ้านนาโคน ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี หมู่บ้านที่ติดต่อกับบ้านสงขลา เพียงแต่มีถนนสายท่าชนะ พุนพิน ขวางไว้เท่านั้นเอง สาเหตุที่ได้ชื่อว่าบ้านนาโคนก็เนื่องมาจากมะระหุมปะแกได้สร้างเมืองที่บ้าน สงขลาก็ได้ลงเสาหลักเมืองหรือเสาประโคน ต่อมาที่แห่งนี้กลายเป็นที่นาแต่ที่เสาประโคนนี้ เมื่อ 30 ปีเศษ ยังคงมีหลักเสาประโคนอยู่โดยเป็นหลักปักไว้ และมีการขุดบ่อไว้รอบหลัก การทำนาก็เว้นไว้เฉพาะที่เสาหลักนี้ ปัจจุบันเสาหลักได้หายไป รวมทั้งคูที่ขุดไว้รอบหลักประโคน จากการที่เป็นที่ตั้งหลักเมือง หรือเสาประโคนนี้เอง จึงเรียกบ้านนี้ว่า “บ้านนาโคน”
บ้านหนองมน
บ้านหนองมน ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานีในหมู่บ้านนี้มีหนองน้ำอยู่หนองหนึ่ง ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นหนองน้ำศักดิ์สิทธิ์ เขามักจะนำน้ำจากหนองนี้ไปทำน้ำมนต์มาดื่มกินและใช้ในพิธีต่าง ๆ เขาจึงเรียกว่า หนองมนต์ ต่อมาบริเวณใกล้หนองน้ำมีคนมาตั้งบ้านเรือนเขาก็เรียกบ้านที่ตั้งอยู่บริเวณ นี้ว่า บ้านหนองมนต์ แต่ปัจจุบันนี้หนองมนมีรูปร่างเปลี่ยนไป เป็นหนองน้ำที่มีรูปมน และน้ำในหนองแห่งนี้ก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนแต่ก่อน ชาวบ้านจึงไม่ได้นำน้ำไปทำน้ำมนต์เหมือนเมื่อก่อนคำว่าหนองมนจึงเปลี่ยนไป เป็นบ้านหนองมน และบ้านที่อยู่บริเวณนี้จึงได้ชื่อว่าบ้านหนองมนตามชื่อหนองน้ำแห่งนี้ด้วย
บ้านหนองมนแห่งนี้บางคนกล่าวว่า แต่เดิมเป็นหนองน้ำใหญ่ที่ขอบหนองมีต้นทองหลางชนิดหนึ่งซึ่งมีใบโตและรูปกลม ใบกลมมน ชาวบ้านเรียกว่าทองหลางใบมน แต่เมื่อมีราษฎรเข้าไปปลูกบ้านเรือน อาศัยอยู่จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า บ้านหนองทองหลางใบมนแต่เป็นชื่อที่ยาวไป จึงเรียกใหม่ว่าบ้านหนองมน
บ้านถิ่นหลวง
บ้านถิ่นหลวง ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี บ้านถิ่นหลวงเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับบ้านหนองมนไปทางเหนือ เดิมการเดินทางไปมาหมู่บ้านนี้ลำบากมาก ไม่มีถนนไปมาอย่างปัจจุบัน ทางเดินสายเดิมเป็นทางด่านอยู่ทางทิศตะวันออกของถนนสายปัจจุบันข้างทางเดิน มีศาลเจ้าอยู่ศาลหนึ่งซึ่งชาวบ้านเคารพนับถือ เจ้าบ้านเรียกว่า กุฏิตาเจ้า มีผู้เล่ากันต่อมาว่า ผู้เดินทางผ่านศาลนี้ทุกคนจะต้องหยุดทำพิธีสักการะบูชา มิ ฉะนั้นจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่หยุดทำพิธีสักการะเหล่านั้น จนกระทั่งมีคณะกระถินคณะหนึ่งนำกระถินไปทอดที่วัดใดไม่ปรากฏแต่สันนิษฐานว่า คงจะเป็นวัดพระบรมธาตุไชยา นำกฐินผ่านมา และก็ได้หยุดพักกฐินที่สถานที่แห่งนี้หมู่บ้านนี้ซึ่งเป็นที่พักกฐินแห่งนี้ จึงได้ชื่อบ้านกฐินหลวง ชาวบ้านถิ่นหลวงและบ้านถิ่นหลวงและใช้ชื่อต่อมาจนถึงปัจจุบัน
บ้านหนองขี้เป็ด
บ้าน หนองขี้เป็ด ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชื่อ บ้านนี้มีการเล่าต่อกันว่ามีคนจีนคนหนึ่งมาจากไหนไม่มีใครทราบมาสร้าง บ้านอยู่ใกล้ลำคลองและเลี้ยงเป็ดเป็นอาชีพ ลำคลองสายนั้นเป็นสายเดียวกับที่ไหลผ่านบ้านลาดแต่ทิศทางการไหลเริ่มเปลี่ยน ไปเพราะความคดเคี้ยวของลำคลองทางน้ำเริ่มเปลี่ยนทิศทางเมื่อไหลมาถึงช่วงลำ คลองที่เรียกว่า หนองเขรียง ต่อจากหนองเขรียงจะไหลขึ้นไปทางทิศเหนือจนถึงช่วงที่เรียกว่าหนองบอน จึงเปลี่ยนเป็นไหลทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อีก ช่วงลำคลองส่วนนี้เรียกว่า หนองขี้เป็ด เพราะคนจีนที่กล่าวถึงข้างต้นได้มาริเริ่มการเลี้ยงเป็ดขึ้น ในบริเวณนี้เป็นคนแรก และปล่อยเป็ดให้มากินตามลำคลองนี้ เป็ดเหล่านั้นก็ถ่ายมูลลงในลำคลองและบนฝั่งจำนวนมาก เขาจึงเรียกส่วนของลำคลองนี้ว่า หนองขี้เป็ดและบ้านที่ใกล้ ๆ ลำคลองนี้ว่า บ้านหนองขี้เป็ดตามชื่อคลองไปด้วย
บ้านลาด
บ้าน ลาด ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดิม หมู่บ้านนี้มีลำคลองอยู่สายหนึ่งไหลผ่านลำคลองสายนี้มีต้นน้ำมาจากลำคลอง ใหญ่ที่มีชื่อว่า คลองตะเคียน ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านพื้นที่ทางต้นน้ำเป็นที่สูงแล้วค่อย ๆ ลาดต่ำมาทางทิศตะวันออก ทางน้ำจึงไหลผ่านทางหมู่บ้านมาทางทิศตะวันออก มีน้ำไหลตลอดปี ลำคลองช่วงนี้อยู่ตรงที่ส่วนลาดมากมีความลำบาก ชาวบ้านจึงเรียกลำคลองส่วนนี้ว่า หนองลาด พื้นที่ตรงที่ลาดนี้แต่เดิมมีคนมาตั้งบ้านเรือนไม่กี่หลังคาเรือนเขาจึง เรียกที่ตั้งของบ้านเหล่านี้ว่า บ้านลาด ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ทุกครัวเรือนจะประกอบอาชีพกสิกรรมปัจจุบันมีคนไปตั้ง บ้านเรือนมากมาย จึงเป็นหมู่บ้านหนึ่งของตำบลทุ่ง
บ้านคงคาชัย
บ้าน คงคาชัย ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี บ้าน นี้เป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดถนนสายท่าชนะ- พุนพิน การเรียกชื่อหมู่บ้านเรียกตามสถานที่สำคัญของอำเภอไชยา คือหนองน้ำคงคาชัยหรือบ่อน้ำมุรธาภิเษก เป็นบ่อน้ำที่ใช้ในราชพิธีมุรธาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ หัว และเพื่อที่ให้เป็นที่เข้าใจแก่ผู้สนใจจึงขอคัดประวัติความเป็นมาของหนองน้ำ คงคาชัยซึ่งมีผู้รวบรวมไว้ดังนี้
หนองน้ำคงคาชัย
ตั้ง อยู่ในหมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่เศษ รูปที่ดินมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เว้นที่แต่มีคอด ๆ กิ่ว ๆ ไม่เสมอ โดยเป็นหนองน้ำธรรมชาติสร้างสรรค์มาแต่โบราณกาล มีประวัติเล่ากันมาว่า
เมื่อสมัยรัชการที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมาหากษัตริย์ปกครองประเทศมีผู้รู้เห็นและร่วมทำพิธี ณ หนองน้ำคงคาชัยแห่งนี้ด้วย คือว่าในเวลานั้น อำเภอไชยาเดี๋ยวนี้ ในขณะนั้นยกฐานะขึ้นเป็นเมืองอยู่ เรียกชื่อว่าเมืองไชยา มีผู้ปกครองเป็นตำแหน่งเจ้าเมือง มียศเป็นพระยา มีอำนาจมาก ราษฎรเกรงกลัวมากและเคารพอำนาจเจ้าเมืองไม่ค่อยมีคนประพฤติตนเกเรเหมือน อย่างเช่นทุกวันนี้ แต่มีขนบธรรมเนียมประเพณี ของผู้ที่จะมาปกครองตำแหน่งเจ้าเมืองไชยานี้ จะ ต้องทำพิธีลอดโขนทวารและมีพิธีรดน้ำที่หนองคงคาชัยแห่งนี้เสียก่อน เพราะถือว่าหนองคงคาชัยนี้เป็นน้ำมงคลและศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้เป็นเจ้าเมือง และเป็นมิ่งขวัญแก่เมืองไชยา ดังนั้น จึงมีผู้เล่ากันว่าครั้งหนึ่งมีเจ้าเมืองมาจากไหนผู้เล่าก็จำไม่ได้ แต่ท่านมาทางเรือต้องผ่านทะเลเพราะสมัยนั้นถนนหนทางสัญจรไปมาลำบาก ต้องใช้ช้างเป็นพาหนะ จึงมาทางทะเลสะดวกกว่า แต่แทนที่จะใช้เรือมาทางปากน้ำไชยาเสียคราวเดียวเพราะใกล้กว่าแต่หาเป็นเช่น นั้นไม่ ท่านได้นั่งเรือไปปากน้ำคลองท่าชนะ ซึ่งเวลานี้เรียกว่า ตำบลท่าชนะ อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ใน ตำบลท่าชนะแห่งนี้ ได้จัดทำเป็นทำเนียบสำหรับเป็นการต้อนรับเจ้าเมืองที่จะไปดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าเมืองไชยา แห่งหนึ่งอยู่ใกล้ริมคลองท่าชนะเป็นที่พักจอดเรือของเจ้าเมืองนั้น ในเวลานั้นทางราชการเมืองไชยา ได้จัดขบวนช้างจำนวนหลายเชือกไปคอยต้อนรับเจ้าเมืองอยู่ที่ทำเนียบคลองท่า ชนะ ครั้นท่านพักผ่อนหย่อนใจพอสมควรแล้วท่านเจ้าเมืองก็ขึ้นนั่งช้างซึ่งทาง ราชการเมืองไชยาจัดรับรองไว้ท่านเจ้าเมืองได้จัดให้ช้างที่มีคนถือดวงตรา สำหรับเจ้าเมืองนั้นเป็นช้างเชือกแรกเดินหน้าก่อนหน้าเจ้าเมืองนั่งนั้นเดิน ตามมาเป็นช้างเชือกที่สอง ส่วนข้าราชการนั่งช้างเชือกถัดมาตามลำดับมีราษฎรติดตามขบวนกันมามาก ในสมัยนั้นมีทางด่วนระหว่างตำบลท่าชนะและอำเภอไชยา เป็นทางด่วนสำหรับราษฎรไปมาติดต่อราชการและประกอบอาชีพได้
เมื่อ เจ้าเมืองขึ้นไปนั่งช้างแล้ว ก็เดินตรงตามทางมาเมืองไชยา แต่เมื่อมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นระยะทางของอำเภอท่าชนะกับอำเภอไชยา ขณะนี้เป็นระยะทางเกือบเท่า ๆ กัน ในที่แห่งนี้ทางราชการเมืองไชยา ได้จัดทำทำเนียบไว้เพื่อต้อนรับเจ้าเมืองไว้อีกระยะหนึ่ง เพราะเห็นว่าท่านเจ้าเมืองท่านนั่งช้างมาเป็นเวลานานพอสมควร ควรจะหยุดพักผ่อนเสียระยะหนึ่ง และท่านจะได้รับประทานอาหารกลางวันเสียด้วยและประกอบด้วยที่แห่งนี้มีหนอง น้ำกว้างขวาง น้ำก็ใสสะอาดดี เรียกชื่อว่า หนองเชิญตรา
เมื่อท่านเจ้าเมืองและข้าราชการ ราษฎรที่ติดตามมารับประทานอาหารกลางวัน เรียบร้อยแล้ว ท่านเจ้าเมืองก็ขึ้นนั่งช้าง เดินทางอย่างเป็นระเบียบเหมือนอย่างที่จัด ไว้เมื่อก่อนแล้วเดินตองมาเมืองไชยา ซึ่งเป็นที่พักเจ้าเมืองครั้นถึงทำเนียบที่พักของท่านเจ้าเมือง ซึ่งทางราชการได้จัดต้อนรับไว้ท่านเจ้าเมืองก็กะกำหนดวันและเวลาที่จะเดิน ทางไปยังหนองทำเนียบ ที่หนองคงคาชัย ซึ่งทางราชการได้จัดไว้สำหรับท่านเจ้าเมืองทำพิธีตามขนบธรรมเนียมประเพณีของ เมืองไชยาเคยกระทำมาก่อน ๆ ทุกเจ้าเมือง ซึ่งมีความว่าเมื่อเจ้าเมืองผู้ใดจะไปครองเมืองไชยา ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองไชยา ก่อนที่จะบริหารหน้าที่ราชการตามหน้าที่ของเจ้าเมืองนั้นท่านจะต้องไปลอด โขลนทวาร และอาบน้ำคงคาเสียก่อน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ท่านผู้เป็นเจ้าเมืองและหน้าที่ราชการ ได้เคยปฏิบัติมาอย่างนี้ทุก ๆ เจ้าเมือง
ครั้น ต่อมา เมื่อท่านเจ้าเมืองได้กำหนดวัน และเวลาไปทำพิธีดังกล่าวแล้วเจ้าหน้าที่ก็ตกแต่งทำเนียบซึ่งเป็นที่พักของ เจ้าเมือง และตกแต่งโขลนทวารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้แล้วเจ้าหน้าที่ทางฝ่ายศาสนาก็จัดการนิมนต์พระ เถระผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 8-9 รูป เพื่อเจริญพระพุทธมนต์ประกอบพิธีโอ่งขนาดใหญ่ สำหรับตักน้ำจากหนองคงคาชัยมาใส่ไว้จนเต็มเตรียมไว้เพื่อเจ้าเมืองจะได้อาบ เมื่อเสร็จพิธีการสาดน้ำด้วยในการนี้เจ้าหน้าที่จัดให้มีพราหมณ์เป่าสังข์ มีเครื่องประโคมต่าง ๆ ไว้พร้อมเสร็จ
เมื่อ ถึงกำหนด เจ้าเมืองก็ขึ้นนั่งช้างพร้อมด้วยช้างเชือกที่มีคนถือดวงตราประจำตำแหน่งและ เจ้านายตามลำดับเดินไปยังทำเนียบหนองคงคาชัย เป็นระยะทางจากตำบลพุมเรียงเมืองไชยาถึงหนองน้ำคงคาชัยนั้นเวลา 1 ชั่วโมง เศษ เมื่อเจ้าเมืองถึงทำเนียบแล้ว ก็มีพระสงฆ์และพราหมณ์ เครื่องประโคมก็มีอยู่พร้อมแล้วจึงขอเชิญท่านผู้เป็นเจ้าเมืองและเชิญเอาดวง ตราประจำตำแหน่งเข้าสวดทำพิธีด้วย มีสายสิญจน์เชื่อมโยงถึงเครื่องประกอบพิธีและตัวเจ้าเมืองเองด้วยเมื่อพร้อม แล้วเจ้าหน้าที่ทางฝ่ายศาสนาก็เริ่มจุดเทียนให้ท่านผู้เป็นเจ้าเมืองแล้วก็ เริ่มบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล สมาทานศีล อาราธนาพระปริต พระสงฆ์ก็เริ่มเจริญพระพุทธมนต์เมื่อพระท่านสวดถึงบทพาหุงท่านเจ้าเมืองก็ เริ่มตักบาตร พร้อมด้วยขุนนางที่ติดตามไปและราษฎรที่มาร่วมทำบุญตักบาตรเสร็จเป็นที่เรียบ ร้อยเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการก็เชิญท่านเจ้าเมืองไปทำพิธีลอดโขลนทวารถ้วน สามครั้งแล้วจึงมาอาบน้ำพร้อมกันนั้นพระสงฆ์ก็เจริญชัยมงคลคาถา พราหมณ์ป่าสังข์เครื่องประโคมต่าง ๆ ก็ประโคมขึ้นพร้อมกัน ฆ้อง ระฆังก็ลั่นขึ้น เสียงมิได้ขาดตอน จนกว่าเจ้าเมืองจะทำพิธีและอาบน้ำเสร็จ
เมือ เจ้าเมืองทำพิธีเสร็จแล้ว เหล่าข้าราชการและประชาชน ซึ่งไปร่วมทำบุญในพิธีนี้พร้อมกับเอาน้ำคงคาชัยที่พระสงฆ์ทำพิธีสวดแล้ว ถือว่าเป็นน้ำอันเป็นศิริมงคลและศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปอีก ต่างก็เอามาประพรมศีรษะตนเองและพวก ลูก ๆ หลาน ๆ ที่ไปร่วมในพิธีนี้จนทั่วกันทุก ๆ คน ต่างมีความอิ่มกายสบายใจตลอดมา เมื่อเสร็จพิธีอันนี้แล้ว เจ้าเมืองพร้อมด้วยเหล่าข้าราชการก็ขึ้นช้างไปยังทำเนียบซึ่งเป็นที่พักของ ท่าน ณ เมืองไชยา และบริหารราชการตามตำแหน่งของท่านเจ้าเมืองต่อไป
บ้านควน
บ้าน ควรตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ใกล้บริเวณที่ตั้งหมู่บ้านมีภูเขาลูกหนึ่งมีชื่อว่าเขาควน ตรงที่ตั้งหมู่บ้านเป็นที่ราบสูงริมเชิงเขา เดิมที่เชิงเขามีวัดอยู่วัดหนึ่งชื่อว่า วัดควนเป็นวัดร้างมาตั้งแต่สมัยไหนผู้เล่าไม่ทราบ ที่บริเวณที่ตั้งของวัดเดิมเป็นป่า มีคนเข้าไปตั้งบ้านเรือนเพียงไม่กี่บ้าน เขาจึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่าบ้านควน ปัจจุบันมีลักษณะเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่
บ้านลำไย
บ้านลำไย ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในหมู่บ้านนี้แต่เดิมมีลำคลองสายหนึ่งไหลผ่าน เป็นลำคลองขนาดใหญ่จึงมีคนเรียกลำคลองนี้ว่า ลำใหญ่ เมื่อมีประชาชนมาตั้งบ้านเรือนในบริเวณนี้ จึงเรียกหมู่บ้านนี้ตามลำน้ำ คือหมู่บ้านลำใหญ่ และต่อมาจึงเพี้ยนไปเป็นหมู่บ้านลำไย
บ้านตาลห้าต้น
บ้าน ตาลห้าต้น ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดิมหมู่บ้านนี้มีต้นตาลสูง ๆ อยู่จำนวนมาก แต่ครั้งหนึ่งมีลมพายุพัดผ่านทำให้ต้นตาลสูง ๆ เหล่านั้นหักหมด คงเหลือตาลต้นเตี้ย ๆ เพียงห้าต้น จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า บ้านตาลห้าต้น
บ้านสิงขร
บ้านสิงขร ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในหมู่บ้านนี้แต่เดิมเล่ากันมาว่ามีขอนไม้ใหญ่อยู่ขอนหนึ่ง เวลาลมพัดจะมีกลิ่นระเหยออกมาจากขอนไม้ท่อนนั้น กลิ่นคล้ายกลิ่นส้มชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นกลิ่นของขอนไม้นั้น จึงเรียก สิงขร เพราะ “สิง” เป็นคำศัพท์พื้นบ้านที่ชาวบ้านเรียกกลิ่นที่ระเหยออกมาจากผิวส้ม ที่มีขอนไม้กลิ่นนี้ เมื่อชาวบ้านเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่จึงเรียกว่า บ้านสิงขอน ตามเหตุที่เกิดของกลิ่น แต่ต่อมาคำว่าสิงขอนมีคนเขียนผิดกลายไปเป็น สิงขร และชื่อสิงขรนี้ก็ยังมีคนใช้มาถึงปัจจุบัน
บ้านอ่อนใจ
บ้านอ่อนใจ ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดิมพื้นที่ตั้งหมู่บ้านเป็นโคลนตมมากเป็นเส้นทางที่คนตำบลทุ่งใช้เป็นเส้น ทางที่จะผ่านไปพุมเรียง ทุก ๆ คนที่จะใช้เส้นทางสายนี้จะต้องเดินบุกโคลนตรงนี้เป็นระยะทางไกลได้รับความ เหน็ดเหนื่อยอ่อนอกอ่อนใจกับการเดินทางในช่วงนี้ เขาจึงตั้งชื่อสถานที่ที่ทำให้เกิดอาการเหน็ดเหนื่อยว่า อ่อนใจ ต่อมาสภาพพื้นที่เปลี่ยนแปลงไป ในทางที่ดีขึ้น มีคนเข้าไปสร้างบ้านเรือนอยู่จึงเรียกบ้านนี้ว่า บ้านอ่อนใจ
บ้านคอกช้าง
ตั้ง อยู่หมู่ที่ 5 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดิมที่บริเวณหมู่บ้านนี้เป็นป่า เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ร้าย เช่น เสือ คนเลยไม่กล้าเข้าไปในป่านี้ จะมีก็แต่คนที่ไปจับช้างป่ามาฝึกเพื่อนำมาใช้งาน เขาจะทำคอกช้าง ไว้ในป่านี้แล้วไปจับช้างจากป่าอื่นเข้ามาฝึก ครั้นเมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้นความเป็นป่าค่อยหายไปชาวบ้านเริ่มมาปลูก บ้านอยู่อาศัย จึงมีคนเรียกหมู่บ้านนี้ว่า บ้านคอกช้าง
บ้านป่าขาว
บ้าน ป่าขาว ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่เดิมสถานที่แห่งนี้เป็นป่า มีตาชีปะขาวคนหนึ่งเข้าไปสร้างกุฏิในป่านี้ตาชีปะขาวได้อยู่จำศีลจนสิ้น ชีวิตไปในป่านั้นจึงมีคนเรียกป่านี้ว่า ป่าชีปะขาว และต่อมา คำเรียกกร่อนและถูกตัดพยางค์กลาง ๆ ออกจนเหลือ ป่าขาว ครั้นมีคนมาตั้งบ้านเรือนอยู่จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า บ้านป่าขาว
บ้านยางยวน
ตั้ง อยู่หมู่ที่ 7 ตำบล ทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยางยวนเป็นชื่อป่าที่มีต้นยางมาก เป็นต้นยางขนาดใหญ่จึงเป็นที่อยู่ของสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะผึ้ง มีผึ้งจำนวนมากมาสร้างรังในป่านี้ ต้นยางต้นหนึ่ง มีผึ้งมาทำรังหลาย ๆ รังเขาเรียกการที่ผึ้งทำรังหลาย ๆ รัง บนต้นไม้เดียวกันว่า “ผึ้งลงยวน” และการที่ผึ้งลงยวนบนต้นยาง และหมู่บ้านนี้บุคคลแรกที่เข้ามาทำมาหากินได้แก่ นายห้อย ผึ้งดอกไม้จึงมีคนเรียกหมู่บ้านนี้ว่าบ้านยางยวน
บ้านวัดตะเคียน
วัด ตะเคียนตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลทุ่งอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพ่อท่านวัดตะเคียน ซึ่งเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ในสมัยก่อน สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ก็คือ การที่ชาวบ้านเคาพรสักการะบูชาและพ่อท่านวัดตะเคียนนี้เองที่สันนิษฐานว่าคง เป็นเจ้าอาวาสในสมัยอยุธยาตอนปลาย
ศาลาเชือด
ศาลา เชือด ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบล ทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ศาลาเชือดก็เป็นศาลาที่ทหารหรือเฉลยที่ถูกจับในการทำศึกที่เมืองนครศรี ธรรมราช เพื่อจะนำไปกรุงธนบุรี ได้ลงทางเรือเพื่อจะหลบหนี แต่ถูกทหารของพระเจ้าตากสินมหาราชลงเรือตามไปจับตัวได้ก็ทำการเชือดและฆ่า ที่นั่น จึงได้ชื่อว่าศาลาเชือด อยู่ทุกวันนี้ และทุก ๆ ปี ในเดือนเมษายน เราจะมีการทำบุญตักบาตรเลี้ยงพระกันเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณของผู้ ที่ตายจากการเชือดหรือฆ่าจึงมีคนเรียกหมู่บ้านนี้ว่าศาลาเชือด
บ้านคลองยวน
บ้าน คลองยวนตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ตำบลทุ่ง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี บ้านคลองยวนในสมัยก่อนเมื่อสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาว ญวนได้ถูกตีเมืองแตกแล้วอพยพมาอยู่ที่คลองยวนแล้วเกิดโรคห่าระบาดชาวญวนล้ม ตายเป็นจำนวนมากและได้นำศพไปฝังเรียงกันเป็นแถวต่อมาเกิดฝนตกหนักเกิดน้ำฝน ชะล้างทำให้เกิดเป็นลำคลองชาวบ้านจึงเรียกกันว่าคลองยวน จนถึงปัจจุบันนี้
|